เพราะว่า ซากุระเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่น
ซากุระถือเป็นเรื่องราวและหัวข้อที่ถูกหยิบยกนำมาสร้างเป็นผลงานทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมากมายหลากหลายสาขาตั้งแต่ในอดีต
หากในโลกนี้ไม่มีดอกซากุระ ก็คงดำเนินชีวิตได้อย่างสงบ
ไม่ต้องตื่นเต้นหรือเสียดายในช่วงฤดูใบไม้ผลิกระมัง
อะริวาระโนะ นาริฮิระ
(อะริวาระโนะ นาริฮิระ เกิดในตระกูลชนชั้นขุนนางซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงปี 825 ถึงปี 880 เป็นนักกวีที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น อ้างอิง/Kojien)
ในสมัยนั้น ได้ประพันธ์บทกวีที่ว่า “หากในโลกนี้ไม่มีดอกซากุระก็คงดำเนินชีวิตได้อย่างสงบไม่ต้องตื่นเต้นหรือเสียดายในช่วงฤดูใบไม้ผลิกระมัง” มีความหมายเดียวกับบทกวีทางด้านบน ซึ่งจากกวีบทนี้ ทำให้ทราบถึงความรู้สึกของผู้คนต่างๆ ในขณะที่รอคอยการมาของดอกซากุระอย่างใจจดใจจ่อ และผู้คนที่รู้สึกเสียดายกลีบดอกซากรุที่ต้องร่วงหล่นนั่นเอง
จิตรกรเองก็ได้จำความรู้สึกเหมือนกับในตอนนั้นและนำมาถ่ายทอดเป็นผลงานภาพวาดสไตล์ญี่ปุ่นที่มีซากุระประกอบอยู่ด้วย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการผลัดเปลี่ยนฤดูกาล ซึ่งมีอยู่หลายผลงานดอกซากุระถึงแม้จะมีช่วงชีวิตและความงามที่สั้นเพียงสิบกว่าวันเท่านั้น แต่ก็ยังถูกนำมากล่าวถึงใน
รูปภาพจาก:ภาพวาดภูเขาฟูจิกับซากุระโดยคะสึชิกะ โฮะกุไซ Wikimedia Commons
ความชอบซากุระของชาวญี่ปุ่นนั้น ไม่เพียงแต่ในถูกนำมาถ่ายทอดในวงการศิลปะแต่ในวงการอาหารก็ยังถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางด้วยเช่นกันงานด้านศิลปะต่างๆมากมายๆ นี่จึงถือเป็นหลักฐานอย่างดีถึงความรักของชาวญี่ปุ่นที่มีต่อซากุระนั่นเอง
ที่ต่างประเทศเองก็มีอาหารหรือเครื่องดื่มต่างๆที่ทำขึ้นโดยใช้จุดเด่นของ “สี” หรือ “รูปร่าง”ของดอกไม้ อย่างเช่น “Hibiscus Tea” แต่ว่าวัฒนธรรมที่นำ “รสชาติ” “กลิ่น” ของดอกไม้ชนิดนั้นๆมาทำเป็นอาหารเหมือนกับขนม “ซากุระมันจู” ไม่ว่าจะที่ไหนก็ไม่น่ามีแน่นอนซึ่งเพียงแค่นี้ก็พอจะพูดได้เต็มปากว่าคนญี่ปุ่นชอบซากุระมากมายแค่ไหนจริงไหมหละ
ขนมซากุระมันจู
ภาพจากcebupacificair.vn
ภาพshunsatsu.blogspot.com
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก mcha-th.com